ติดต่อ-สอบถาม 082-478-9162

ชุดตรวจโควิด -19 วิธีการตรวจในปัจจุบัน

ชุดตรวจโควิด ในปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นมามากมาย จากเมื่อปลายปี พ.ศ. 2562 ที่ค้นพบโรคระบาดครั้งใหญ่ที่มีเชื้อก่อโรค คือ ไวรัสโคโรนา (Coronavirus) หรือเรียกกันในตอนนี้ว่า โควิด-19 (COVID-19)

โดย วิธีการตรวจ นั้นจะเน้นที่การตรวจสารคัดหลั่ง ตรวจจากน้ำลาย หรือตรวจจากเลือด ซึ่งมีตั้งแต่วิธีการตรวจที่ยุ่งยากจนถึงวิธีการตรวจแบบรวดเร็ว (Rapid test) ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานพยาบาลเลือกใช้

ชุดตรวจโควิด

การตรวจโควิด-19

ในปัจจุบันจะมีการแบ่งคนไข้ที่มารับการตรวจโควิดเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง และกลุ่มประชาชนทั่วไป

1. กลุ่มผู้มีความเสี่ยง ในกลุ่มนี้จะได้เข้ารับการตรวจฟรี โดยเกณฑ์ผู้มีความเสี่ยงสูง ได้แก่
– ผู้ที่เดินทางมาจากเขตติดโรค พื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง
– มีอาชีพที่ใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ที่เดินทางมาจากเขตติดโรค
– มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยยืนยัน
– บุคคลาการทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน
– มีอาการทางเดินหายใจ ได้แก่ ไอ น้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส (ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของหมอ)
หากคุณเป็นผู้มีความเสี่ยงสูงและสนใจเข้ารับการตรวจ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 1330

2. กลุ่มประชาชนทั่วไป ที่มีความต้องการเข้ารับการตรวจเอง กลุ่มนี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองในการเข้ารับการตรวจ โดยค่าใช้จ่ายในการตรวจ หากเป็นสถานพยาบาลของรัฐจะมีราคาอยู่ที่ 1,500-8,000 บาท และสถานพยาบาลเอกชนจะมีราคาอยู่ที่ 2,500-8,000 บาท

วิธีการตรวจโควิด-19 ในปัจจุบัน

ชุดตรวจโควิด วิธีการตรวจโควิดในปัจจุบันนี้จะมีอยู่ 2 รูปแบบ หลัก ๆ ด้วยกัน คือ
1. Real-Time RT-PCR
– เป็นการตรวจหาเชื้อไวรัสจากสารพันธุกรรม RNA
– เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากการป้าย (Swab) เยื่อบุในลำคอ หรือเนื้อเยื่อหลังโพรงจมูก
– ทราบผลได้ภายใน 3-5 ชั่วโมง
การตรวจด้วยวิธีนี้จะต้องมีการเตรียมการสถานที่ตรวจ และบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำหน้าที่ตรวจจะต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันสูงสุด ในตอนนี้สามารถตรวจจากน้ำลายได้ แต่ก็ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก

2. Rapid Test ชุดตรวจรวดเร็ว
– เป็นการตรวจหาภูมิคุ้มกัน
– เก็บตัวอย่างจากการเจาะเลือด หรือตรวจจากเลือด
– ทราบผลอย่างรวดเร็ว ภายใน 15 นาที
– ตรวจได้หลังจากได้รับเชื้อมาสักระยะ อาจจะต้องเป็น 14 วันขึ้นไป

เนื่องจากชุดตรวจแบบ Rapid Test เป็นชุดตรวจที่มีขั้นตอนการตรวจที่ง่าย ทำให้มีการลักลอบนำมาขายให้กับประชาชนทั่วไปจำนวนมาก ซึ่งการกระทำแบบนี้มันผิด เพราะชุดตรวจที่ท่านได้หาซื้อมาเองนั้น แน่นอนว่าไม่ผ่านการประเมินหรือได้รับการรับรองและอนุญาตจากอย.ไทย

ตามกฎหมายมีการระบุอย่างชัดเจนว่า “ชุดตรวจโควิดที่ผ่านการรรับรองจากอย.ไทย” จะต้องจำหน่ายเฉพาะ สถานพยาบาล โรงพยาบาลเฉพาะทาง คลินิกเวชกรรม คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ หรือ สหคลินิกที่จัดให้มีการประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือ เทคนิคการแพทย์ตามกฎหมายกำหนด เท่านั้น!!

 

ดังนั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่ชุดตรวจที่ผ่านการรับรองพวกนี้จะสามารถหาซื้อมาตรวจด้วยตนเองได้ในไทย

ที่ท่านซื้อมาตรวจเองนั้น เป็นชุดตรวจเถื่อนอย่างแน่นอน

 

ทำไมถึงไม่ควรซื้อชุดตรวจโควิด-19 มาตรวจเอง

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า คำว่า “ชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง” ไม่มีในไทย เพราะยังไม่มีการอนุญาตให้หาซื้อมาตรวจด้วยตนเองได้

1. ชุดตรวจรวดเร็วนี้ มีหลายประเภท ทั้งแบบตรวจหาแอนติเจน และแบบแอนติบอดี โดยแบบแอนติเจน ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก มีผลลบลวง หรือผลบวกลวงเกิดขึ้นบ่อยมาก ๆ ในทางการแพทย์ ก็ไม่ได้มีการนำมาใช้ตรวจ

2. แบบแอนติบอดี สำหรับการแปลผล หากผลออกมาเป็นลบ ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ติดเชื้อ อาจจะพึ่งติดเชื้อ แต่ภูมิต้านทานยังไม่มากพอ ที่จะตรวจเจอด้วยชุดตรวจแบบเร็วก็ได้ ดังนั้น วิธีการตรวจโควิด -19 ด้วยชุดตรวจรวดเร็วนี้จะต้อง ทำการตรวจโดยบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

3. ไม่ว่าเป็นชุดตรวจชนิดใด จะต้องตรวจในช่วงเวลา ที่เหมาะสม หากใช้ชุดตรวจเองอาจตรวจในช่วงที่ไม่พบเชื้อ

4. ไม่มีความรู้เพียงพอ ในการแยกประเภทชุดตรวจ

5. ชุดตรวจที่หาซื้อมาเองนั้น อาจไม่มีคุณภาพประสิทธิภาพ อาจเป็นชุดตรวจเถื่อนที่ไม่ได้รับการรับรองจากอย. ไทย

6. อาจมี ความผิดพลาด เกิดขึ้น ในกระบวน การทดสอบ ทำให้ผลการทดสอบที่ได้ไม่ถูกต้อง อาจเป็นผลลบลวง หรือ ผลบวกลวง ทำให้เกิดความเข้าใจแบบผิด ๆ

7. การอ่านผล การตีความผลลัพธ์ไม่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม หากพบว่าตนเอง ได้รับความเสี่ยงมา ก็ควรเข้ารับการตรวจอย่างถูกต้อง จากสถานพยาบาล หรือสถาบันที่ได้รับอนุญาต หรือหากมีความกังวล การตรวจกับสถานพยาบาล หรือสถาบัน ที่ถูกต้องก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด

 

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook