ติดต่อ-สอบถาม 082-478-9162

ชุดตรวจ hiv gen4 เป็นอย่างไร ดีกว่าการตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยวิธีอื่นไหม

ชุดตรวจ HIV gen4

ชุดตรวจ hiv gen4 เป็นอย่างไร ดีกว่าการตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยวิธีอื่นไหม

การตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วย ชุดตรวจ hiv gen4 ดีกว่าการตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยวิธีอื่นอย่างไร สำหรับผู้ที่สนใจจะตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยตนเองแต่ยังคงลังเลและตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกวิธีไหน วันนี้เราจะมาแนะนำชุดตรวจเอชไอวี gen 4 แต่ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักการตรวจเอชไอวีกันก่อนดีกว่า

 

การตรวจเอชไอวี (HIV) แต่ละแบบในปัจจุบันนี้

การตรวจวินิจฉัยหาการติดเชื้อเอชไอวี จะสามารถทำการตรวจจากเลือดได้ 3 วิธีหลัก ๆ คือ

  • NAT (Nucleic Acid Technology) การตรวจนี้เป็นการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อเอชไอวี โดยสามารถตรวจได้หลังจากเสี่ยงมาแล้วประมาณ 5 วันขึ้นไป เป็นวิธีการตรวจเสริมที่ใช้ร่วมกับการตรวจ Antibody ซึ่งปัจจุบันทางคลินิกนิรนามก็มีบริการตรวจด้วยวิธี NAT เพื่อหาสาเหตุการติดเชื้อได้เร็วขึ้น
  • PCR วิธีการตรวจนี้เป็นอีกวิธีที่ใช้ในการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อเอชไอวี โดยสามารถตรวจได้หลังเสี่ยงมาแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป
  • Antibody HIV เป็นการตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเอชไอวี สามารถตรวจได้หลังมีความเสี่ยงมาแล้ว 3 สัปดาห์เป็นต้นไป

 

การตรวจหาเชื้อเอชไอวีด้วย วิธีการตรวจหาแอนติบอดีเอชไอวี (Antibody HIV) เป็นที่นิยมในทางการแพทย์ และนำมาสู่ การตรวจคัดกรอง แบบ Rapid test ที่เป็นชุดตรวจอย่างง่าย และรวดเร็ว แต่การตรวจหา Antibody HIV จะต้องมีความเสี่ยงในการติดเชื้อมาแล้ว อย่างน้อยประมาณ 21 วัน ถึงจะสามารถใช้ชุดตรวจนี้ได้

เนื่องจากร่างกายต้องใช้ระยะเวลาในการผลิตแอนติบอดีขึ้นมาต่อสู้กับเชื้อ และเราต้องรอเวลาให้ปริมาณแอนติบอดีมากพอที่จะสามารถตรวจเจอได้ คือ อย่างน้อยประมาณ 21-30 วัน หรือ 3-4สัปดาห์

“เพื่อให้สามารถตรวจคัดกรองได้เร็วขึ้นจึงมีการพัฒนาคิดค้นชุดตรวจ HIV gen 4 ขึ้นมา”

ชุดตรวจHIV gen 4

การตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจ HIV gen 4 ช่วยให้สามารถตรวจได้เร็วขึ้นอย่างไร ชุดตรวจ Forth Generation (Gen 4) สามารถตรวจหาได้ทั้ง (Antibody) และ (Antigen) ในเวลาเดียวกัน

ปัจจุบันการตรวจวินิจฉัยหาการติดเชื้อเอชไอวี ก็ได้มีการพัฒนา อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ลดระยะเวลาความเสี่ยง ที่สามารถตรวจได้ให้สั้นลง โดยจะใช้น้ำยาที่สามารถตรวจหาได้ทั้งแอนติบอดี และแอนติเจนในเวลาเดียวกัน

การตรวจหาแอนติเจนของเชื้อ HIV สามารถตรวจพบได้ที่ระยะความเสี่ยง 14 วัน และการตรวจหาแอนติบอดี ต้องมีระยะความเสี่ยงอย่างน้อย 21-30 วัน ดังนั้น ชุดตรวจ forth Generation (Gen 4) จะสามารถทำการวินิจฉัยได้เร็วที่สุดประมาณ 2 สัปดาห์หลังได้รับเชื้อ

การตรวจด้วยชุดตรวจเอชไอวี gen4 หากตรวจที่ระยะเวลา 14 วันหลังเสี่ยง หากได้รับความเสี่ยง ในการติดเชื้อจริง ที่ขีดทดสอบ แอนติเจนจะขึ้นอย่างแน่นอน และในบางรายอาจจะพบขีดทดสอบแอนติบอดีขึ้นร่วมด้วย

ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ระยะเวลาในการสร้างแอนติบอดีจึงแตกต่างกันไป ดังนั้น บางรายที่ตรวจพบแอนติบอดีก่อน 21-30 วัน อาจเป็นเพราะร่างกายมีปริมาณแอนติบอดีเอชไอวี มากพอที่จะตรวจพบได้นั่นเอง

แต่ที่แนะนำให้ตรวจหลังเสี่ยงมา 21-30 วัน ก็เพราะว่าเป็นระยะเวลาที่มีการวินิจฉัยมาแล้วว่า ในระยะเวลาเท่านี้ ปริมาณแอนติบอดีมีมากพอ ที่จะตรวจพบ หากตรวจไวกว่านี้อาจจะตรวจพบหรือไม่ก็ได้ หรือหากผลตรวจออกมาว่าไม่พบเชื้อ ผลตรวจนี้ อาจจะเป็นผลลบปลอม ซึ่งสร้าง ความเข้าใจผิด ว่าไม่มีการติดเชื้อ และมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อสู่ ผู้อื่นต่อไปได้

 

“ไม่ว่าจะเลือกตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยชุดตรวจ forth Generation (Gen4) ที่สามารถทำการวินิจฉัยได้เร็วที่สุดประมาณ 2 สัปดาห์หลังได้รับเชื้อ หรือจะตรวจด้วยชุดตรวจหา Antibody HIV สิ่งสำคัญก็คือการเลือกระยะเวลาเสี่ยงที่จะตรวจให้เหมาะสม”

 

อย่างไรก็ตาม หากมีความกังวลใจ ก็สามารถ สอบถาม หรือ สั่งซื้อชุดตรวจ Gen4 หรือชุดตรวจหา Antibody HIV กับร้าน ที่น่าเชื่อถือ และที่สำคัญชุดตรวจจะต้องมีความปลอดภัย แม่นยำ และได้มาตรฐาน จึงจะมีประสิทธิภาพ แนะนำให้เลือกใช้ชุดตรวจที่มีเลขอย.ไทย และตรวจสอบให้แน่ชัด

การตรวจคัดกรองเบื้องต้นนั้น เป็นทางออก สำหรับ ผู้ที่ไม่กล้าเดินทาง ไปตรวจที่ สถานพยาบาล เพราะหากตรวจ พบเชื้อตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะได้ เข้ารับการรักษา และรับยาต้านได้ทันเวลา

 

 

 

อยากมั่นใจในทุกครั้งที่ตรวจ โปรดซื้อชุดตรวจเอชไอวีกับร้านที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานรับรอง

สนใจสอบถาม-สั่งซื้อสินค้า Click เพื่อ Add LINE สอบถามได้เลยค่ะ

 

 

 

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook