ติดต่อ-สอบถาม 082-478-9162

หลังจากได้รับเชื้อ HIV จะมีอาการอย่างไร อาการที่เกิดขึ้นในระยะต่าง ๆ

หลังจากได้รับเชื้อ HIV จะมีอาการอย่างไร

หลังจากได้รับเชื้อ HIV จะมีอาการอย่างไร การแสดงอาการของเชื้อไวรัส HIV มักจะแตกต่างไปตามแต่ละบุคคลและขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ผ่านไปตั้งแต่การติดเชื้อ 

ระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนาอาการอาจหลากหลายและมีความแตกต่างระหว่างบุคคลแต่ละคน นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับอาการของ HIV ตามระยะเวลาต่าง ๆ หลังจากได้รับเชื้อ HIV จะมีอาการอย่างไร :

 

  1. ระยะต้น (ระยะการติดเชื้อ): หรือระยะเริ่มแรกของการติดเชื้ออาจจะเรียกได้ว่าเป็นระยะที่บางคนอาจไม่มีอาการใด ๆ 

หรือมีอาการเล็กน้อยที่ไม่น่าสนใจ ในระยะต้นหรือระยะการติดเชื้อ HIV (Acute HIV Infection) เป็นช่วงเวลาที่เริ่มต้นของการติดเชื้อไวรัส HIV

ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วง 2-4 สัปดาห์หลังจากการติดเชื้อ ในช่วงนี้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะต่อสู้กับไวรัส HIV โดยร่างกายมีการผลิตภูมิคุ้มกันต่อไวรัส HIV อย่างเร่งด่วน

 

อาการที่เกิดขึ้นในระยะต้นของการติดเชื้อ HIV สามารถรวมถึง:

 

ไข้: มักเป็นไข้รุนแรงเป็นบางครั้ง โดยบางคนอาจมีไข้สูงสุดถึง 39-40 องศาเซลเซียส

อาการเหนื่อยหรือปวดร่างกาย: รู้สึกเหนื่อยหรือมีอาการปวดกล้ามเนื้อหรือปวดข้อ

อาการทางเดินหายใจ: อาจมีอาการปวดคอ, มีน้ำมูก, หรือไอ

อาการขยายของต่อมน้ำเหลือง: บางคนอาจมีอาการขยายของต่อมน้ำเหลืองที่เป็นเชื้อสำลัก (lymphadenopathy) ในช่วงระยะต้นของการติดเชื้อ

ผื่นผิวหนัง: อาจเกิดผื่นบนผิวหนังที่เป็นรอยแดงหรือผื่นผิวหนังเล็กน้อยที่ไม่ระคายเคือง

อาการปวดหัว: บางครั้งอาจมีอาการปวดหัวรุนแรง

อาการเหล่านี้อาจหายไปเองหลังจากไม่กี่สัปดาห์โดยไม่ต้องมีการรักษาพิเศษ การทราบสถานะ HIV ในระยะต้นนี้มีความสำคัญอย่างมากเพื่อเริ่มการรักษาให้เหมาะสมและป้องกันการแพร่เชื้อต่อไป 

หากคุณคิดว่ามีโอกาสติดเชื้อ HIV ควรพบแพทย์หรือทำการทดสอบ HIV โดยเร็วที่สุด

 

  1. ระยะที่สองของการติดเชื้อ HIV ซึ่งเรียกว่า “Clinical Latent Infection” หรือ “Chronic HIV Infection”

ติดเชื้อ HIV อาจไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยมาก ๆ และอาจไม่รู้ว่าตนเองติดเชื้อไวรัส HIV อยู่

 

ในระยะนี้, ไวรัส HIV ยังคงเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วในร่างกายแต่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะต่อสู้กับไวรัสนี้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อระบบภูมิคุ้มกันต่อสู้กับไวรัส HIV การแทรกซ้อนจากการติดเชื้อชนิดอื่น ๆ หรือภาวะป่วยจากการติดเชื้อ HIV จะเกิดขึ้นน้อยลง 

แต่ไวรัส HIV ยังคงอยู่ในร่างกายและสามารถติดต่อไปยังผู้อื่นได้

 

ผู้ที่อยู่ในระยะนี้อาจไม่รู้สึกว่ามีอาการที่เชื่องช้าจากการติดเชื้อ HIV หรืออาจมีอาการที่เชื่องช้าเล็กน้อยที่ไม่แสดงออกมา

แม้ว่าอาจไม่มีอาการแสดงชัดเจน การตรวจสอบสถานะ HIV เป็นสิ่งสำคัญเพื่อทราบสถานะของตนเองและเริ่มการรักษาอย่างทันท่วงที 

 

 และการรับการรักษาเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมการติดเชื้อและป้องกันการแพร่เชื้อต่อไป

 

อาการเล็กน้อยที่อาจจะเกิดในระยะนี้  อาจมีอาการเป็นไข้, ปวดกล้ามเนื้อ, ปวดศีรษะ, มีอาการเหนื่อยมากขึ้น, และมีอาการปวดคอหรือมีผื่นบนผิวหนัง

 

  1. ระยะสุดท้ายของเอชไอวี (HIV) คือระยะที่เรียกว่า “AIDS” หรือ “Acquired Immunodeficiency Syndrome” ในภาษาอังกฤษ

การเปลี่ยนจากการติดเชื้อ HIV ไปสู่สถานะ AIDS เกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกทำลายอย่างรุนแรงโดยไวรัส HIV 

ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับการติดเชื้ออื่นๆ และโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป

 

เพื่อให้ถือว่าเป็น AIDS ผู้ป่วยต้องมีค่า CD4 เซลล์ (เซลล์ที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน) ต่ำกว่า 200 เซลล์ต่อมิลลิลิตรของเลือดหรือมีโรคแทรกซ้อนที่พบบ่อย เช่น โรคจิตเภท Kaposi, จอปาวิช, มะเร็งลำไส้หรือเจ็บป่วยที่มีเชื้อในสมอง ที่เกิดขึ้นในผู้ที่ติดเชื้อ HIV

อาจมีอาการโรคหัวใจ, ปวดท้อง, แทรกซ้อนของการติดเชื้อ, การเสื่อมทราบที่ทำให้หลงลืมหรือมีปัญหาในการคิด, น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว

 

ผู้ที่เป็นโรค AIDS มักจะมีอาการรุนแรงมากขึ้นและมักมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงอีกมากขึ้น โดยมักจะมีโอกาสต่อต้านการรักษาที่สูงขึ้น เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ง่าย

 

อาการต่าง ๆ เหล่านี้ในแต่ละระยะอาจเกิดขึ้นหลังจากหลังจากที่ร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัส HIV และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกำลังถูกทำลาย 

อย่างไรก็ตาม การใช้ยาการรักษา HIV ได้อย่างต่อเนื่องอาจช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรค AIDS ลงอย่างมาก และยังช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ด้วยการควบคุมการติดเชื้อไวรัส HIV ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ. 

 

หากบางท่านมีอาการเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นการติดเชื้อเอชไอวีเนื่องจากเป็นอาการป่วยที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากสาเหตุอื่น

และอาจมีภาวะที่ต่างไปในแต่ละคนหากจะไม่มีอาการอะไรเลยหรือมีอาการที่มีความรุนแรงมากขึ้น การทำการทดสอบเพื่อตรวจสอบสถานะ HIV คือ วิธีที่ดีที่สุด

ในการรับรู้ถึงการติดเชื้อและความเสี่ยงของคุณ

 

 

—————————————————————————————————————————————————————————————————————————————————

อินสติ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง นำเข้าจากประเทศแคนาดา ได้รับการรับรองจาก WHO Prequalified, CE Marked, Health Canada เลขอย. ไทย 64-2-1-1-0000679 มีจำหน่ายที่ร้านขายยาทั่วไป หรือสามารถเข้าไปค้นหาร้านขายยาที่มีอินสติ ได้ที่ ร้านจำหน่าย INSTI

ผ่านอีกหนึ่งช่องทางคือสั่งซื้อผ่านทางผู้นำเข้าโดยตรง ได้ที่

Line OA: @insti

Facebook: อินสติ insti ชุดตรวจเอชไอวี

Shopee: INSTi_THAILANDHIVTEST

Lazada: INSTi_THAILANDHIVTEST

Tiktok: Insti.thailand-v2

Line Shopping: insti

Website: thailandhivtest.com

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook